‘คลัง’ ยกเครื่องรีดรายได้มั่นใจเศรษฐกิจไทยปีนี้โตทะลุ4%

‘คลัง’ ยกเครื่องรีดรายได้มั่นใจเศรษฐกิจไทยปีนี้โตทะลุ4%

“คลัง” มั่นใจเศรษฐกิจไทยปี 2566 โตทะลุ 4% เร่งเครื่องลงทุนภาครัฐ ลุ้นส่งออกตีปีก จับตาปัญหาภูมิรัฐศาสตร์-วิกฤติแบงก์ทั่วโลก พร้อมกาง 5 ปัจจัยท้าทาย ยกเครื่องรีดรายได้ ลดกู้หวังหดงบขาดดุลต่ำกว่า 3% ต่อจีดีพี

เศรษฐกิจ

23 มี.ค. 2566 – นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.การคลัง กล่าวปาฐกถาพิเศษในงานสัมมนาเศรษฐกิจประจำปี 2566 TEA Annual Forum 2023 “ถึงเวลา! ก้าวสู่ทรงใหม่ไทยแลนด์” ว่า เศรษฐกิจไทยในปี 2566 คาดว่าจะขยายตัวได้ 3-4% ส่วนจะขยายตัวได้มากกว่านั้นหรือไม่ ขึ้นอยู่กับ 2-3 ประเด็น คือ

1.การลงทุนภาครัฐ ต้องขยายตัวต่อเนื่อง จากที่ผ่านมาการลงทุนของรัฐ มีข้อจำกัดค่อนข้างมาก และมีสัดส่วนต่ำกว่าการลงทุนภาคเอกชน เนื่องจากผลกระทบจากการแพร่ระบาดโควิด-19 ทำให้รัฐต้องจัดสรรงบประมาณ โดยมุ่งดูแลเศรษฐกิจและเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบ

2.การขยายตัวของภาคการส่งออก แม้ว่าในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมาหรือตั้งแต่ปลายปี 2565 การส่งออกจะขยายตัวติดลบทุกเดือน เนื่องจากได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจโลกชะลอตัว ก็ยังเป็นปัจจัยที่ต้องติดตามความเสถียรภาพของเศรษฐกิจโลกในระยะต่อไป และ 3.ปัจจัยด้านภูมิรัฐศาสตร์ จากความขัดแย่งของรัสเซีย-ยูเครน กระทบเศรษฐกิจโลกชะลอตัว ส่งผลต้นทุนสินค้า พลังงาน เพิ่มขึ้น และปัจจัยเรื่องระบบสถาบันการเงิน ที่มีการปิดธนาคารของสหรัฐ และในสหภาพยุโรป จะมีความเสี่ยงเพิ่มหรือไม่

“เศรษฐกิจไทยมีโอกาสเติบโตมากกว่าที่คาดไว้ 3-4% ก็ต้องไปดูว่ามีปัจจัยอะไรบ้างที่จะมากระทบ และจะทำอะไรเพิ่มได้ ซึ่งยังมีในเรื่องของการเพิ่มผลิตภาพ (Productivity) การลงทุนด้านทรัพยากรมนุษย์ เพิ่มทักษะต่าง ๆ หากภาคธุรกิจช่วยกัน ในส่วนนี้ ก็จะช่วยให้จีดีพีขยายตัวเพิ่มอีกไม่น้อยกว่า 1% เป็นกำไรที่ภาคธุรกิจจะได้เพิ่มขึ้นด้วย” นายอาคม กล่าว

นายอาคม กล่าวอีกว่า ปัจจัยที่มีความท้าทายเศรษฐกิจไทยในอนาคตมีอยู่ 3-5 เรื่อง คือ 1.การนำนโยบายการเงิน การคลัง ดูแลเศรษฐกิจมหภาคต้องควบคู่กัน โดยจะต้องมองทั้ง 2 เรื่อง คือ การเติบโต และ ความยั่งยืน ซึ่งหมายถึงดูแลอัตราเงินเฟ้อ และอัตราการว่างงาน ซึ่งมีแนวโน้มดีขึ้นหลังจากเปิดประเทศ ว่างงานมีอัตราเฉลี่ย 1% แต่ก็ยังมีช่องว่างที่จะลดอัตราการว่างงานลงได้ เช่น การเพิ่มทักษะในอาชีพใหม่ ๆ 2.การดูแลเรื่องการจัดเก็บรายได้ ต้องมีการปฏิรูปการจัดเก็บ ที่ผ่านมารายได้รัฐมีสัดส่วนเพียง 43% ของจีดีพี ซึ่งถือว่าน้อยมาก ทำให้การจัดสรรทรัพยากรดูแลประชาชนมีข้อจำกัด อีกทั้งในระยะต่อไปจะเข้าสู่สังคมผู้สูงวัย ที่ 24% ของจำนวนประชากรทั้งหมดคือผู้สูงอายุ ขณะเดียวกันก็ไม่สามารถทำงบประมาณแบบขาดดุลต่อเนื่องได้ยาวนาน 10-20 ปีอีกแล้ว เพราะจะทำให้ต้องมีการกู้ชดเชยขาดดุลเพิ่มขึ้น ซึ่งระยะต่อไปรัฐบาลมีเป้าหมายลดการขาดดุลให้ต่ำกว่า 3% ของจีดีพี

3.การผลักดันให้เศรษฐกิจไทย มุ่งสู่เศรษฐกิจใหม่ หรือ New Economy หรืออาจเรียกว่า ทรงใหม่ ไทยแลนด์ ทั้งการผลักดันเขตเศรษฐกิจพิเศษ พื้นที่อีอีซี ที่เป็นเป้าหมายของรัฐบาลในการพัฒนาอุตสาหกรรมใหม่ 12 ประเภท การพัฒนาเศรษฐกิจสร้างสรรค์ ซอฟท์พาวเวอร์ และเร่งดึงการลงทุนดิจิทัลมาในประเทศเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะการเปิด ดาต้า เซ็นเตอร์ ที่ไทยมีความได้เปรียบ มี 11 บริษัทต่างชาติเข้ามาลงทุนแล้ว และมีบริษัทยักษ์ใหญ่ระดับโลกอีก 1 รายเตรียมมาลงทุน ซึ่งก็ต้องให้การสนับสนุนในเรื่องมาตรการภาษี และ ลองเทอมวีซ่า เป็นเต้น

4.การเตรียมรับมือกับสภาวะโลกร้อน โดยในส่วนของการทำนโยบาย มีการสนับสนุนอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า มีการช่วยเหลือเรื่องมาตรการภาษี เพื่อให้ราคาขายรถยนต์ไฟฟ้า ไม่แตกต่างจากราคารถยนต์สันดาปมาก รวมทั้งมีการสนับสนุนเงินให้กับผู้ซื้อรถยนต์ไฟฟ้า และ 5.การลดการใช้พลังงานฟอสซิล มาใช้พลังงานทางเลือกเพิ่มขึ้น

ติดตามข่าวอื่นๆ ที่น่าสนใจได้ที่นี่ : รัฐบาลสหรัฐประกาศปิดกิจการ SVB พร้อมเข้าดูแลเงินฝาก

รัฐบาลสหรัฐประกาศปิดกิจการ SVB พร้อมเข้าดูแลเงินฝาก

รัฐบาลสหรัฐประกาศปิดกิจการ SVB พร้อมเข้าดูแลเงินฝาก ด้าน”เยลเลน” รัฐมนตรีคลังระบุจะจับตามองวิกฤต SVB อย่างใกล้ชิด หวั่นลามแบงก์อื่น

ระทรวงปกป้องการเงินและนวัตกรรมแห่งรัฐแคลิฟอร์เนีย ประกาศปิดกิจการของ Silicon Valley Bank (SVB) พร้อมกับมอบหมายให้บรรษัทค้ำประกันเงินฝากของรัฐบาลกลางสหรัฐ (FDIC) เป็นผู้ดูแลเงินฝากของ SVB

ทั้งนี้ FDIC ได้จัดตั้ง Deposit Insurance National Bank of Santa Clara (DINB) และได้โอนเงินฝากทั้งหมดจาก SVB ที่ได้รับการค้ำประกันเข้าสู่ DINB เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของผู้ฝากเงิน

FDIC เปิดเผยว่า เจ้าของเงินฝากจะสามารถเข้าถึงเงินฝากของตนเองได้ภายในช่วงเช้าของวันจันทร์ที่ 13 มี.ค. ซึ่งสาขาต่างๆ ของ SVB จะเปิดทำการ แต่อยู่ภายใต้การควบคุมของ FDIC

อย่างไรก็ดี กฎระเบียบของ FDIC ให้การคุ้มครองเงินฝากไม่เกิน 250,000 ดอลลาร์ต่อผู้ฝาก 1 ราย ต่อ 1 ธนาคาร

ข้อมูล ณ สิ้นเดือนธ.ค.2565 ระบุว่า SVB มีสินทรัพย์ทั้งหมดราว 2.09 แสนล้านดอลลาร์ และมีเงินฝาก 1.754 แสนล้านดอลลาร์

ก่อนหน้านี้ สำนักข่าวซีเอ็นบีซี รายงานโดยอ้างอิงแหล่งข่าวระบุว่า SVB Financial Group ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ Silicon Valley Bank (SVB) ธนาคารปล่อยกู้แก่ธุรกิจสตาร์ทอัพในกลุ่มเทคโนโลยี กำลังอยู่ในระหว่างการเจรจาเพื่อขายกิจการ หลังจากประสบความล้มเหลวในการขายหุ้นเพื่อเพิ่มทุนธนาคาร

เศรษฐกิจไทย

ราคาหุ้น SVB ร่วงลง 45.61% สู่ระดับ 57.68 ดอลลาร์ก่อนเปิดตลาดวันนี้ หลังจากปิดตลาดวานนี้ทรุดตัวลง 60.41% สู่ระดับ 106.04 ดอลลาร์

ทั้งนี้ SVB ประกาศแผนขายหุ้นแก่นักลงทุนวงเงิน 2.25 พันล้านดอลลาร์ในการระดมทุนเพื่อเสริมสภาพคล่อง หลังจากประสบภาวะขาดทุนถึง 1.8 พันล้านดอลลาร์จากการขายพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐที่ถือครองอยู่ ซึ่งมีมูลค่าในพอร์ทลดลงอย่างมาก จากการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประกาศเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ

นอกจากนี้ SVB ยังประสบปัญหากระแสเงินสดหมุนเวียนจากการที่ธุรกิจสตาร์ทอัพพากันถอนเงินฝากจากธนาคาร

SVB มีมูลค่าตลาดสูงถึง 1.68 หมื่นล้านดอลลาร์เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว แต่ ณ ปิดตลาดวานนี้ SVB มีมูลค่าตลาดเหลืออยู่เพียง 6.3 พันล้านดอลลาร์เท่านั้น และมีการคาดการณ์กันว่ามูลค่าตลาดดังกล่าวจะลดลงอีก หลังจากปิดตลาดวันนี้

ด้านนางเจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีคลังสหรัฐ กล่าวว่า ตนกำลังจับตาปัญหาที่เกิดขึ้นกับ Silicon Valley Bank (SVB) อย่างใกล้ชิด

“ดิฉันกำลังจับตาดูอย่างระมัดระวังต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้นกับธนาคารหลายแห่งในช่วงนี้ ซึ่งรวมถึง SVB โดยหากธนาคารประสบปัญหาทางการเงิน ก็เป็นเรื่องที่เราควรมีความกังวล” นางเยลเลน กล่าว แนะนำข่าวเพิ่มเติม>>> ข้อมูลราคาข้าวเปลือกรายวัน ณ ตลาดกลางและตลาดสำคัญวันที่ 13 มกราคม 2566

ข้อมูลราคาข้าวเปลือกรายวัน ณ ตลาดกลางและตลาดสำคัญวันที่ 13 มกราคม 2566

> ข้าวเปลือกเจ้าหอมมะลิ 105 ( ต้นข้าว 35 กรัม )

ข้อมูลราคาข้าวเปลือก

ท่าข้าว ธ.ก.ส. อ.เมือง จ.ขอนแก่น 13,800 บาท/ตัน

โรงสีราษีพาณิชย์ศรีสะเกษ อ.ราษีไศล จ.ศรีสะเกษ 14,000 บาท/ตัน

โรงสีไฟไทยเจริญวัฒนา อ.เมือง จ.อำนาจเจริญ 14,580 บาท/ตัน

โรงสีกิจทวียโสธร อ.เมือง จ.ยโสธร 13,200 บาท/ตัน

โรงสีสหพัฒนา อ.สะตึก จ.บุรีรัมย์ 13,200 บาท/ตัน

โรงสีเต็กเฮง อ.จอมพระ จ.สุรินทร์ –

โรงสีสหกรณ์การเกษตรสุวรรณภูมิ อ.สุวรรณภูมิ จ.ร้อยเอ็ด 14,000 บาท/กก.

ที่มา: สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร

อัพเดทข่าว เพิ่มเติม : พาณิชย์ เผยล้งจีน แย่งซื้อทุเรียนภาคใต้รับตรุษจีน ภาพรวมราคาดีทั้งประเทศ

พาณิชย์ เผยล้งจีน แย่งซื้อทุเรียนภาคใต้รับตรุษจีน ภาพรวมราคาดีทั้งประเทศ

กรมการค้าภายในติดตามสถานการณ์ราคาทุเรียนภาคใต้ พบล้งและตัวแทนผู้นำเข้าจีน เข้ามาแย่งซื้อทุเรียน

เหตุเข้าสู่ช่วงปลายฤดูกาลผลิต และเพื่อใช้รองรับเทศกาลตรุษจีน เผยช่วยดันราคาปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง เผยภาพรวมราคาทุเรียนทั้งประเทศปีนี้ดีกว่าปีที่ผ่านมา

นายวัฒนศักย์ เสือเอี่ยม อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า กรมฯ ได้ติดตามสถานการณ์ราคาทุเรียนภาคใต้ หลังจากที่มีกระแสข่าวเรื่องการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในจีนที่กลับมารุนแรงในช่วงนี้ และส่งผลให้ยอดการส่งออกทุเรียนลดลงนั้น ซึ่งหลังจากตรวจสอบสถานการณ์การรับซื้อกับผู้ประกอบการในพื้นที่ โดยเฉพาะตลาดมรกต ซึ่งเป็นตลาดกลางผักและผลไม้ ใน จ.ชุมพร ที่เป็นแหล่งรวบรวมผลผลิตรายใหญ่ในพื้นที่ภาคใต้ พบว่า มีล้ง และตัวแทนผู้นำเข้าของจีน เข้ามารับซื้อทุเรียนมากขึ้นกว่าสัปดาห์ก่อน เพราะทุเรียนภาคใต้เริ่มเข้าสู่ช่วงปลายฤดูกาลผลิตแล้ว ทำให้ผลผลิตมีน้อยลง ประกอบกับผู้ประกอบการจำเป็นต้องเร่งซื้อ เพื่อเตรียมไว้ก่อนที่จะเข้าสู่ช่วงเทศกาลตรุษจีน ซึ่งตรงกับวันที่ 22 ม.ค.25

ข่าวเศรษฐกิจโลกล่าสุด วันนี้

“จากการตรวจสอบการรับซื้อทุเรียนในภาคใต้ พบว่าช่วงนี้ถือเป็นช่วงปลายฤดูกาลผลิต ทำให้มีการแย่งกันซื้อ ส่งผลให้ราคาปรับตัวดีขึ้นกว่าสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยราคารับซื้อทุเรียนหมอนทอง จังหวัดชุมพร ณ วันที่ 30 ธ.ค. 2565หมอนทอง เกรด AB อยู่ที่ประมาณ 150-170 บาทต่อกิโลกรัม (กก.) ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อนที่ 145-160 บาทต่อกก. เกรด ABC อยู่ที่ 130-140 บาทต่อกก. เพิ่มจาก 120 บาทต่อกก. เกรด C อยู่ที่ 110 บาทต่อกก. เพิ่มจาก 100 บาทต่อกก.”นายวัฒนศักย์กล่าว

ก่อนหน้านี้ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้สั่งการให้กรมการค้าภายในเข้าไปดำเนินการช่วยเหลือเกษตรกร ภายใต้มาตรการบริหารจัดการผลไม้เชิงรุก ปี 2565 โดยตลอดปีการผลิต 65 กรมฯ ได้เชื่อมโยงกับผู้ประกอบการเข้าไปรับซื้อผลผลิตทุเรียนจากเกษตรกรภาคตะวันออกและภาคใต้ ตั้งแต่ต้นฤดูกาลผลิต  ประกอบด้วย การรับซื้อภายใต้มาตรการบริหารจัดการผลไม้ปี 2565 เช่น อมก๋อยโมเดล การกระจายออกนอกแหล่งผลิต (3 บาทต่อกก.) ผลักดันการส่งออก รถเร่ผลไม้ จัดพื้นที่ขาย ณ ห้างท้องถิ่น ปั๊มน้ำมัน ห้างค้าส่ง – ค้าปลีกกิจกรรมพาณิชย์ “Fruit festival 2022” และการรับซื้อภายใต้มาตรการเสริม เช่น เปิดจุดจำหน่ายผลไม้เพิ่มเติม การส่งเสริมการแปรรูปทุเรียนสดเป็นทุเรียนแช่เยือกแข็งส่งออกไปยังต่างประเทศ และการแปรรูปผลผลิตทุเรียนแช่เยือกแข็ง เพื่อการบริโภคในประเทศ

นายวัฒนศักดิ์ กล่าว่า สำหรับผลจากการดำเนินงานตลอดปี 2565 ส่งผลให้ราคาทุเรียนในภาพรวมอยู่ในเกณฑ์ดีกว่าปีที่ผ่านมาเป็นอย่างมาก โดยราคาทุเรียนเฉลี่ยปี 65 หมอนทอง เกรด AB ภาคตะวันออก อยู่ที่ 142.50 บาทต่อกิโลกรัม (กก.) ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากปี 64 ที่ 117 บาทต่อกก. เพิ่มขึ้น 22% ภาคใต้ อยู่ที่ 145 บาทต่อกก. ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากปี 64 ที่ 100 บาทต่อกก. เพิ่มขึ้น 45%  เกรด ABC อยู่ที่ 130-140 บาทต่อกก. เพิ่มจาก 120 บาทต่อกก. เกรด C อยู่ที่ 110 บาทต่อกก. เพิ่มจาก 100 บาทต่อกก.

ข่าวแนะนำ : กกพ.เตือนคนไทยทำใจ ค่าไฟไม่มีต่ำกว่า 4 บ.อีกแล้ว เชื้อเพลิงพุ่ง-ก๊าซอ่าวไทยหด

กกพ.เตือนคนไทยทำใจ ค่าไฟไม่มีต่ำกว่า 4 บ.อีกแล้ว เชื้อเพลิงพุ่ง-ก๊าซอ่าวไทยหด

กกพ.เตือนคนไทยทำใจ ค่าไฟไม่มีต่ำกว่า 4 บ.อีกแล้ว เชื้อเพลิงพุ่ง-ก๊าซอ่าวไทยหด

นายคมกฤช ตันตระวาณิชย์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (สำนักงาน กกพ.) กล่าวในงานสัมมนาวิชาการประจำปี Energy Symposium 2022 จัดโดยสถาบันพลังงานเพื่ออุตสาหกรรม สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เรื่องวิกฤตพลังงานและแผนของประเทศว่า แนวโน้มอัตราค่าไฟฟ้าเฉลี่ยรวมที่ประชาชนต้องจ่ายในระดับต่ำกว่า 4 บาทต่อหน่วยคงจะไม่ได้เห็นอีกแล้ว เนื่องจากเชื้อเพลิงเปลี่ยนแปลงไป จากเดิมพึ่งพาก๊าซอ่าวไทยราคาต่ำ

แต่ปัจจุบันปริมาณก๊าซจำกัดจนไทยต้องนำเข้าเชื้อเพลิงมากขึ้น โดยเฉพาะก๊าซธรรมชาติเหลว (แอลเอ็นจี) นอกจากนี้การนำเข้าแบบสัญญาระยะยาวก็ทำได้ยาก ระยะหลังผู้ขายนิยมตลาดจรเพราะราคาสูงกว่า ปัจจุบันแอลเอ็นจี คิดเป็นต้นทุนผลิตไฟ 10 บาทต่อหน่วย ก๊าซอ่าวไทย 2-3 บาทต่อหน่วย และน้ำมัน 6 บาทต่อหน่วย

ออกแบบ.jpg2

นายคมกฤชกล่าวว่า ปัจจุบันค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติ (เอฟที) เดือนกันยายน-ธันวาคม 2565 ปรับขึ้น 68.66 สตางค์ต่อหน่วย เมื่อรวมค่าไฟไทยทำให้ค่าไฟเฉลี่ยต้องจ่ายอยู่ที่ 4.72 บาทต่อหน่วย หากสถานการณ์ราคาพลังงานยังผันผวน แนวโน้มค่าไฟคงต้องปรับตัวสูงขึ้นอีก แต่จะมากน้อยเพียงใดอยู่ที่ปริมาณก๊าซในอ่าวไทย โดยเฉพาะแหล่งเอราวัณต้องเร่งผลิตเพิ่มมาสู่ระดับปกติ ส่วนการให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) รับภาระค่าเชื้อเพลิงแทนประชาชนคงทำได้ยาก เพราะปัจจุบันรับภาระเกือบ 1 แสนล้านบาท